แม้เรื่องโลกร้อนจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ตอนนี้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่ขั้วโลกเหนือและใต้กำลังสร้างความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ ธารน้ำแข็งที่เคยนิ่งสงบมาหลายพันปี เริ่มละลายเร็วกว่าที่คาด และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อสิ่งแวดล้อมของโลกทั้งใบ
หลายคนอาจยังไม่เห็นผลกระทบชัดเจนในชีวิตประจำวัน แต่เบื้องหลังของอุณหภูมิที่สูงขึ้นปีแล้วปีเล่า มันมีต้นเหตุชัดเจนจากธารน้ำแข็งที่กำลังหายไปเรื่อยๆ แบบเงียบๆ
ธารน้ำแข็งคืออะไร ทำไมละลายแล้วถึงน่ากังวล
ธารน้ำแข็งเป็นแหล่งเก็บน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะในขั้วโลกเหนือ (อาร์กติก) และขั้วโลกใต้ (แอนตาร์กติกา) ซึ่งมีน้ำแข็งสะสมหนาหลายกิโลเมตร และทำหน้าที่คล้ายกับเครื่องควบคุมอุณหภูมิของโลก
เมื่อโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งก็ละลายมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่ปริมาณน้ำที่เพิ่ม แต่รวมถึง
- ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น
- การสูญเสียที่อยู่อาศัยของสัตว์ขั้วโลก เช่น หมีขั้วโลกและเพนกวิน
- แสงแดดที่สะท้อนกลับน้อยลง ทำให้โลกร้อนเร็วขึ้นอีก
ทั้งหมดนี้กลายเป็นวงจรที่เร่งให้ปัญหาโลกร้อนแย่ลงแบบต่อเนื่อง
ระดับน้ำทะเลกำลังเปลี่ยนแปลงจริงจัง
ข้อมูลจากองค์การนาซ่าและหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ยืนยันว่าธารน้ำแข็งบางแห่งกำลังละลายในอัตราเร็วที่สุดในประวัติการณ์ ซึ่งอาจทำให้ ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นหลายเมตรภายในไม่กี่ทศวรรษ
แม้ตัวเลขอาจดูเหมือนไม่มาก แต่ในโลกความจริง แค่ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นไม่กี่เซนติเมตร ก็ทำให้หลายพื้นที่ชายฝั่งจมน้ำ ส่งผลต่อบ้านเรือน เกษตรกรรม และแหล่งอุตสาหกรรมจำนวนมาก โดยเฉพาะเมืองใหญ่ใกล้ทะเลอย่างกรุงเทพฯ โตเกียว นิวยอร์ก หรือมุมไบ
สัตว์ขั้วโลกเสี่ยงสูญพันธุ์
สัตว์ที่อาศัยอยู่ในเขตน้ำแข็งกำลังเผชิญชะตากรรมที่น่าเป็นห่วง เพราะธารน้ำแข็งที่ละลาย ทำให้
- หมีขั้วโลกไม่มีแผ่นน้ำแข็งให้เดินล่าเหยื่อ
- เพนกวินบางสายพันธุ์สูญเสียพื้นที่วางไข่
- แพลงก์ตอนและสัตว์ทะเลขนาดเล็กหายไป เพราะสภาพน้ำเปลี่ยน
ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อห่วงโซ่อาหารในมหาสมุทร ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลต่อปลาและสัตว์น้ำที่มนุษย์บริโภคด้วยโดยตรง
โลกกำลังเปลี่ยนเร็วกว่าที่คิด
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดไม่ใช่แค่ “ธารน้ำแข็งละลาย” แต่คือ การที่ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยคาดการณ์ ซึ่งหมายความว่า สิ่งที่เราเคยวางแผนรับมือในระยะยาว อาจต้องเร่งให้เร็วกว่าที่ตั้งใจไว้หลายเท่า
ไม่ว่าจะเป็นระบบนิเวศที่ปั่นป่วน พายุที่รุนแรงมากขึ้น หรือภัยพิบัติจากธรรมชาติที่ถี่ขึ้น ล้วนมีต้นเหตุมาจากอุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงอย่างไม่หยุดยั้ง
เราทำอะไรได้บ้าง แม้จะอยู่ไกลขั้วโลก
แม้เราจะอยู่ห่างจากขั้วโลกหลายพันกิโลเมตร แต่ทุกพฤติกรรมในชีวิตประจำวันล้วนมีผลต่อโลก ไม่ว่าจะเป็น
- ลดใช้พลังงานฟุ่มเฟือย เช่น ปิดไฟ-แอร์เมื่อไม่ใช้
- เลือกเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะหรือจักรยาน
- หลีกเลี่ยงพลาสติกใช้ครั้งเดียว
- เลือกสินค้าและอาหารที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย
- สนับสนุนแบรนด์ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม
เพราะสุดท้าย ธารน้ำแข็งอาจอยู่ไกลตัวเรา แต่ผลกระทบมันกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาในชีวิตของเราทุกคน